Thursday, August 30, 2007

Faces and Stop Judging





นี่ถ้าแม่มาเห็น ผม ไว้หนวด เครารุงรังแบบนี้ กับทรงผม ที่ยาวที่สุด แม่คงตกใจว่า นี่ใช่ลูกฉันหรือเปล่าเนี่ย ผมเคยเขียนไว้ในบทความครั้งก่อนเรื่องที่ อยากเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมได้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งนั้น แต่อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง ผมไม่เคยไว้หนวดยาวๆแบบนี้ ก็อยากจะลองไว้ดูบ้าง ไม่เคยมีทรงผมยาวๆแบบนี้ ก็อยากลองมีบ้าง แต่เชื่อไหม ถ้าผมกลับเมืองไทย คนที่สนิทๆกับผม หรือน้องๆที่ผมรู้จัก จะทักทายว่า ไปตัดผมซะ ไปกวนหนวดซะ ผมมานั่งคิดดูถึงคำพูดต่างๆเหล่านี้ ผมมีความรู้สึกว่า คุณกำลังตัดสินคนจากภายนอกหรือเปล่าเอ่ย การที่ผมมีทรงผมที่รุงรัง หรือการที่ผมไว้หนวดเครายาวรุงรัง ใช่ว่าผมจะเป็นคนไม่ดีไม่ได้ การเป็นคนที่ดีไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่างภายนอกเลย แต่คนเรามักตัดสินไปซะก่อน มีอยู่วันหนึ่งที่ผมกำลังเรียนอยู่แล้วบังเอิญไปอ่านเจอข้อนี้เข้า แล้วรู้สึกชอบ อยากจะเอามาแบ่งปันกันให้ฟัง "Stop judging by external standards, and judge by true standards." John 7:24 ผมก็มีปัญหาบางครั้งในการมองคนแค่เพียงภายนอก แต่การที่เรายอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ผมเชื่อว่ามันจะทำให้จิตใจของเราอ่อนโยนยิ่งขึ้น เรามองคนอื่นด้วยความรัก หรือเรามองคนอื่นด้วยความอิจฉา ริษยา หรือ มองด้วยการดูถูกเหยียดหยาม มันคงจะดีนะ ถ้าเรามองคนอื่นเหมือนกับพระเยซูทรงมองเรา


Monday, August 27, 2007

เด็กเลี้ยงแกะเล่าเรื่อง คนตรงข้าม

วันนี้มีเรื่องเล่ามาเล่าสู่กันฟัง จริงๆแล้วก็ได้เวลานอนแล้วแหล่ะ แต่กลัวจะลืมซะก่อน ช่วงนี้ความจำสั้นซะด้วยสิ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า มีเพื่อนนักเรียน ชื่อ บรู้ค ชวนไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเขา บรู้คแต่งงานแล้วกับ ผู้หญิงที่ชื่อ เคลลี่ ทั้งสองพึ่งจะอายุ 23 ปีเอง แต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ดี นอกจากบรู๊กกับเคลลี่แล้ว ทั้งคู่ก็ได้เชิญ อดัม กับ ไฮดี้ มารับประทานอาหารด้วยกัน อดัม กับไฮดี้ ก็เป็นคู่สามี ภรรยา ที่เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่ปี ทั้งคู่อายุ ก็ไม่เกิน 27 พอถึงเวลารับประทานอาหาร เขาให้ผมนั่งตรงหัวโต๊ะ ส่วนพวกเขาก็นั่งเป็นคู่ ครั้งแรก ที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้ ผมนึกในใจว่า นี่เรามาทำไมหว่า แล้วคนตรงข้ามเราไปไหนหนอ แต่ไม่เป็นไร ไหนๆเขาก็เชิญเรามาแล้ว กินมันให้อิ่มไปเลยละกัน เคลลี่ทำอาหารฝรั่งได้อร่อยมาก บรู๊คบอกชื่ออาหารผมอยู่หลายรอบ แต่ผมก็จำไม่ได้สักที สิ่งหนึ่งที่ผมเห็น ในคู่สามีภรรยาทั้งสองคู่นี้ ทั้งสองคู่ ต่างกันโดยสิ้นเชิง เริ่มจากคู่แรก บรู๊ค กับ เคลลี่ เป็นคู่ วัยกระเตาะ เพราะอายุน้อยกว่า ประมาณว่ารักแบบกระหนุงกระหนิง ให้กำลังใจกันเสมอ ส่วนอีกคู่ เป็นมวยคู่ใหญ่ขึ้นมากอีกนิด อดัมกับไฮดี้ อดัมนั้นมักจะแหย่ภรรยาตัวเองอยู่เสมอๆ ผมเห็นแล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคู่นี้มีเหมือนกันคือ คำพูดที่รู้จักให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่มีใครพูดกระทบกระทั่งกัน จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้า ตรงกันข้าม กลับให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่วนผม ซึ่งเป็นบุคคลหัวโต๊ะ ก็ให้กำลังใจตัวเองไปก่อนละกัน

Saturday, August 25, 2007

HELLO and SMILE

I think it's time to write in english because this lesson will help everybody to say "HELLO" and "SMILE". Last week I had to lead devotional in the morning so I spent 2-3 nights for the lesson. I thought that I wanted to do something different from others. This lesson just came up when I was thinking about Thailand "The land of SMILE". I just think that yeah...people should smile more because most smile are started by another smile. If we smile to each other then the day is your.
Eddie: "HELLO" everybody!!! How are you doing?
I have two words to teach you today. These words have a powerful meaning if you know how to use it. The first one is "HELLO". It is a simple word and everyone know the meaning of it but we always use this word as a tradition.
Do you know that a simple "HELLO" can be a sweet one especailly the one we love or care? The word "HELLO" stands for

H: How are you doing?
E: Everything all right?
L: Love to hear from you
L: Love to see you soon
O: Obviously I miss YOU...So HELLO Good Day!


There are many times that God always says "HELLO" to us but we just ignore it. We make the expression of our faces uninviting. God says "HELLO" because he cares for us. He loves us so much so he wants to know how we are doing, is everything all right? Do you need help with something? Are you struggling with something? God also wants to hear from us by our prayers, reading scriptures and spend time alone with God. God also wants to see us soon of course in Heaven. Sin separated us from God so God can’t be in the darkness. God always wants us to come back because he misses us so much.
How do we response to the people who say “HELLO” to us? Do we smile? I remember that many times people said "HELLO" to me but I said nothing back or I did not even smile back to them. When is the expression of your face the most uninviting?
I remember every time I get up and open the door then I always see Cameron but I seldom say Hello and smile to him because I want to go the bathroom and wash my face. When we see each other often instead of saying “HELLO” but we “SMILE” and that means a lot because it a part of your greeting.

The unknown author says some interesting thing about “SMILE”

“A Smile is the lighting system of the face and the heating system of the heart”
“The world is like a mirror; Frown at it, and it frowns at you; smile at it and it smiles too”
Talking about smile, once there was a girl who taught me how to smile(ill talk about that later thou)
Do we make the expression of our faces uninviting? How many times in each day that we say “HELLO” to the people we know? Do we really say “HELLO” to the people and using all these things?

I want to leave the scriptures with you because "HELLO" and "SMILE" are part of greeting in the Bible. It means a lot for people who receive these two words.
Luke 1:44
“When the voice of your greeting came to my ears, the babe in my womb leaped for joy.”
I Thessalonians 5:26
“Greet all the brethren with a holy kiss.”
II Corinthians 13:12
“Greet one another with a holy kiss.”
III John 1:14-15
I hope to see you soon, and we will talk together face to face.Peace be to you. The friends greet you. Greet the friends, every one of them.
Of course the word “HELLO” and “SMILE” are part of your greeting and it’s easy to use but remember that use it with care and love.

I want to encourage everyone to say “HELLO” with love, show the people we talk to that we care for them, we love them, and ask them how are you doing? Everything all right?
Reference: soembody's email about "HELLO"

Wednesday, August 15, 2007

Work Week ตอน เหม่อลอย


สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการทำงาน ที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า Work Week ส่วนตัวผมแล้วก่อนที่จะถึงสัปดาห์นี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่จะไม่มีเรียนตั้งหนึ่งอาทิตย์ แต่พอเริ่มการทำงานในวันแรก ความคิดที่อยากกลับไปเรียนก็เริ่มมีขึ้นมาทันที นั่นเป็นเพราะว่าในการทำงานวันแรกนั้นแทบไม่สบาย เอาซะเลย อาจจะเนื่องมาจากว่ามันทำให้ผมนั้นปวดหลังมากกว่าเดิมทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ปวดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานวันแรกของผมก็คือการทาสีรั้วของโรงเรียนให้เสร็จ เราเริ่มทำงานกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น ด้วยสภาพอากาศที่หนาวบวกกับแดดที่บางครั้งก็แรงจัด นี่ยังไม่รวมถึงเครื่องบินที่บินผ่านโรงเรียนทุกๆ 10 นาที นะ ผมมีความรู้สึกว่า ทุกทีเครื่องบินไม่เคยบินผ่านแถวนี้นี่นา แต่วันนี้มันเป็นอะไร เครื่องบินลำเดิมนั่นแหละ แต่บินผ่านได้ทั้งวัน แล้วบินต่ำเอามากๆ เหมือนกับว่า มันกำลังจะตกหรือยังไง ยังดีที่ผมมีไอพอดให้คลายเหงา เวลานั่งทาสีรั้ว ก็ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย เพลงไหนโดนใจ ก็ร้องออกมาดังๆ ไม่สนใจคนที่อยู่รอบข้างหรอก เพราะบางทีเราร้องเพลงไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง คละเคล้ากันไป พอผมทาสีมาถึงจุดๆหนึ่ง ด้วยความที่ผมเหม่อลอยไปชั่วขณะ ผมก็ทาสีไป ใจก็คิดเรื่องอื่นไป ปารกฎว่าพอมาดูอีกที อ้าว!!นี่เราไปทาสีโต๊ะกินข้าวของข้างบ้านนี่นา พอดีโต๊ะกินข้าวของข้างบ้าน ผูกมัดติดกับรั้วโรงเรียนอยู่ ผมก็นั่งดูสักพักแล้วก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้ ไอ้ความเหม่อลอยของเราเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ กลายเป็นว่าวันนั้นผมโดนเพื่อนๆแซวทั้งวัน คุณเคยเหม่อลอยบ้างหรือเปล่า? ผมว่าทุกคนก็ต้องเคยเหม่อลอยกันอยู่แล้ว แต่สำหรับผม ผมมีความรู้สึกว่าเหม่อลอยบ่อยมากๆ ยิ่งตอนอยู่ในห้องเรียน หรือว่าตอนขับรถคนเดียว เคยมีเหมือนกันกำลังขับรถอยู่ แล้วเกิดอาการเหม่อลอย หันไปมองนั่น มองนี่ แต่ไม่มองข้างหน้า รถก็เกือบเสียหลัก ไปชนสิ่งกีดขวางข้างหน้า แต่ผมว่าอาการเหม่อลอยก็ดีอยู่อย่างนะ มันทำให้เรารู้สึกจินตนาการได้กว้างไกลดี หรือว่าผมคิดไปคนเดียวก็ไม่รู้ ว่ากันว่าคนที่มีความรักยิ่งเหม่อลอยไปกันใหญ่ คิดแต่เรื่องคนรักของตัวเอง คิดนั่นคิดนี่ แต่สำหรับผม นี่ยังไม่มีคนรักนะ ก็เหม่อลอยไปได้ไกลเหมือนกัน แล้วถ้าเกิดว่ามีความรักกับเขาบ้างละ ไม่รู้ว่าจะเหม่อลอยไปได้ไกลแค่ไหนเนอะ

PS: พึ่งมารู้ว่า โต๊ะกินข้าวของบ้านตรงข้าม ที่ผมเหม่อลอย ไปทาสี ทิ้งไว้ โรงเรียนจะต้องซื้อโต๊ะใหม่ให้เขา เป็นเรื่องอีกล่ะ เอ็ดดี้ ตัวปัญหาจริงๆๆๆเลย 555

Thursday, August 09, 2007

Men's challenge 07


ระหว่างทางที่จะไปดูหิมะนั้น ผมมีความรู้สึกว่ามันสวยสะดุด จนผมอดทนไม่ไหวที่จะต้องคว้ากล้องมาถ่ายวิดิโอ แต่บังเอิญ กล้องถ่ายรูปเจ้ากรรม ที่ด้วยความเห่อของใหม่ ก่อนที่จะเดินทางมาดูหิมะนั้น ผมก็นั่งเล่นกล้องอยู่นานแสนนาน ตอนแรกกะว่าคงไม่ได้มาดูหรอก แต่ก็ได้อาจารย์ผู้ใจดีอาสาพามาดู พร้อมกับ ลุงโจ จากประเทศ ฟิจิ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของ ลุงโจเหมือนกัน ดูท่าทางแกตื่นเต้นเอามากๆ ซึ่งผิดกับผมที่มัวแต่อารมณ์เสียกับกล้องที่แบตเตอรี่กำลังจะหมด ผมจึงเก็บวิดิโอมาได้แค่นิดเดียว แต่ไม่เป็นไร ถ้าผมจำไม่ผิดผมจะได้มาที่นี่อีกครั้งปลายเดือนสิงหาคมนี้ กับกลุ่ม Young Adults ซึ่งจะจัดทริปมา เล่นสกีโดยเฉพาะ หวังว่าผมจะเก็บรูปมาฝากให้มากกว่านี้นะ