Wednesday, August 15, 2007

Work Week ตอน เหม่อลอย


สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการทำงาน ที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า Work Week ส่วนตัวผมแล้วก่อนที่จะถึงสัปดาห์นี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่จะไม่มีเรียนตั้งหนึ่งอาทิตย์ แต่พอเริ่มการทำงานในวันแรก ความคิดที่อยากกลับไปเรียนก็เริ่มมีขึ้นมาทันที นั่นเป็นเพราะว่าในการทำงานวันแรกนั้นแทบไม่สบาย เอาซะเลย อาจจะเนื่องมาจากว่ามันทำให้ผมนั้นปวดหลังมากกว่าเดิมทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ปวดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานวันแรกของผมก็คือการทาสีรั้วของโรงเรียนให้เสร็จ เราเริ่มทำงานกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น ด้วยสภาพอากาศที่หนาวบวกกับแดดที่บางครั้งก็แรงจัด นี่ยังไม่รวมถึงเครื่องบินที่บินผ่านโรงเรียนทุกๆ 10 นาที นะ ผมมีความรู้สึกว่า ทุกทีเครื่องบินไม่เคยบินผ่านแถวนี้นี่นา แต่วันนี้มันเป็นอะไร เครื่องบินลำเดิมนั่นแหละ แต่บินผ่านได้ทั้งวัน แล้วบินต่ำเอามากๆ เหมือนกับว่า มันกำลังจะตกหรือยังไง ยังดีที่ผมมีไอพอดให้คลายเหงา เวลานั่งทาสีรั้ว ก็ฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย เพลงไหนโดนใจ ก็ร้องออกมาดังๆ ไม่สนใจคนที่อยู่รอบข้างหรอก เพราะบางทีเราร้องเพลงไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง คละเคล้ากันไป พอผมทาสีมาถึงจุดๆหนึ่ง ด้วยความที่ผมเหม่อลอยไปชั่วขณะ ผมก็ทาสีไป ใจก็คิดเรื่องอื่นไป ปารกฎว่าพอมาดูอีกที อ้าว!!นี่เราไปทาสีโต๊ะกินข้าวของข้างบ้านนี่นา พอดีโต๊ะกินข้าวของข้างบ้าน ผูกมัดติดกับรั้วโรงเรียนอยู่ ผมก็นั่งดูสักพักแล้วก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้ ไอ้ความเหม่อลอยของเราเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ กลายเป็นว่าวันนั้นผมโดนเพื่อนๆแซวทั้งวัน คุณเคยเหม่อลอยบ้างหรือเปล่า? ผมว่าทุกคนก็ต้องเคยเหม่อลอยกันอยู่แล้ว แต่สำหรับผม ผมมีความรู้สึกว่าเหม่อลอยบ่อยมากๆ ยิ่งตอนอยู่ในห้องเรียน หรือว่าตอนขับรถคนเดียว เคยมีเหมือนกันกำลังขับรถอยู่ แล้วเกิดอาการเหม่อลอย หันไปมองนั่น มองนี่ แต่ไม่มองข้างหน้า รถก็เกือบเสียหลัก ไปชนสิ่งกีดขวางข้างหน้า แต่ผมว่าอาการเหม่อลอยก็ดีอยู่อย่างนะ มันทำให้เรารู้สึกจินตนาการได้กว้างไกลดี หรือว่าผมคิดไปคนเดียวก็ไม่รู้ ว่ากันว่าคนที่มีความรักยิ่งเหม่อลอยไปกันใหญ่ คิดแต่เรื่องคนรักของตัวเอง คิดนั่นคิดนี่ แต่สำหรับผม นี่ยังไม่มีคนรักนะ ก็เหม่อลอยไปได้ไกลเหมือนกัน แล้วถ้าเกิดว่ามีความรักกับเขาบ้างละ ไม่รู้ว่าจะเหม่อลอยไปได้ไกลแค่ไหนเนอะ

PS: พึ่งมารู้ว่า โต๊ะกินข้าวของบ้านตรงข้าม ที่ผมเหม่อลอย ไปทาสี ทิ้งไว้ โรงเรียนจะต้องซื้อโต๊ะใหม่ให้เขา เป็นเรื่องอีกล่ะ เอ็ดดี้ ตัวปัญหาจริงๆๆๆเลย 555

No comments: